ชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรร

เทศนาประจำวันอาทิตย์ที่  5  ตุลาคม  2008

ณ  คริสตจักรเวียงเชียงคำ

1.  พระธรรม    1  เปโตร  2.9-17   เรื่อง  “ชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือก”

บทนำ

                พระเจ้าทรงเลือกเราทั้งหลายให้เป็นชนชาติของพระองค์  เพื่อให้เราทั้งหลายกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ดังนี้คือ

2.  โครงสร้าง/เนื้อหา

พระประสงค์แรกของพระองค์  คือ  “ให้เราทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์  (ข้อ 9-10)

1.    ขอสังเกตคำว่า  “ท่านทั้งหลาย”  หมายถึงทุกคนที่เชื่อพึ่งในพระเจ้า  มิใช่หมายถึงใครคนใดคนหนึ่ง  แต่หมายถึงเราทั้งหลายที่นี่ทุกคน

2.    การประกาศพระบารมีคือ  การประกาศความดียอดเยี่ยมของพระเจ้า

3.    ถ้าเราดูคำแปลในภาษาไทย  บารมีหมายถึง  คุณความดีที่ได้บำเพ็ญมา  คุณสมบัติที่ทำให้ยิ่งใหญ่  หรือความดี  10  อย่างคือ  ( 1. ทาน  2. ศิล  3. เบกขัมมะ 4. ปัญญา  5. วิริยะ 6. ขันติ 7.สัจจะ  8. อธิษฐาน  9. เมตตา  10. อุเบขา)

4.    ผู้ที่เชื่อพึ่งในพระเจ้า  เป็นเหมือนชนชาติที่พระเจ้าทรงไถ่พวกเขาออกจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์

-                   อิสราเอลเป็นทาสในอียิปต์

-                   เปรียบผู้เชื่อ๙งเมื่อก่อนเป็นทาสบาป  เราถูกผูกมัดด้วยอำนาจแห่งความมืด

-                   ชนชาติอิสราเอลได้ประกาศถึงคุณความดีของพระเจ้าที่ช่วยพวกเขาให้ออกจาการเป็นทาสในประเทศอียิปต์

-                   ผู้เชื่อทุกคนคืออิสราเอลใหม่  ควรประกาศพระบารมี  ความดี  ความยิ่งใหญ่  ชัยชนะของพระเจ้าที่ทรงนำเราออกจากความมือ  การผูกมัดของมารซาตาน  เข้าสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระเจ้า

-                   โรม  5.25-26  “เมื่อก่อนหาเป็นชนชาติของเราไม่  แต่เดี๋ยวนี้เป็นบุตรของเรา”

-                    

พระประสงค์ที่สองของพระองค์คือ  “ให้ผู้เชื่อทุกคนรักษาการประพฤติอันดีไว้”  (ข้อ  11-12)

1.    เปโตรใช้คำว่า  “ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน” 

คือการเฝ้าร้องขอ  ร่ำขอ  เฝ้าร้องให้ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า  (รม 12.1-2)

              ท่านเปโตรไม่ได้ขู่บังคับพี่น้องคริสเตียนที่นั้น  แต่ท่านขอร้อง  เพราะการขู่เข็ญเพื่อให้คนอื่น

กระทำตามนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ผล  ตัวอย่าง  “นิทานอีสปเรื่อง ดวงอาทิตย์กับสายลม)

2.    ท่านเปโตรชี้ให้พี่น้องคริสเตียนรู้ว่า  โลกนี้เป็นที่อยู่ชั่วคราว

ตัวอย่าง  ชนเผ่าผีตองเหลือง  พวกเขาจะต้องย้ายถิ่นฐานอยู่บ่อยๆ เมื่อ ใบตองที่พวกเขา

         น้ำมามุงหลังคาของเขามีสีเหลือง

3.    ท่านเปโตรขอร้องให้คริสเตียนละเว้นตัณหาของเนื้อหนัง  (ข้อ  11)  เพราะความต้องการของเนื้อหนังคือข้าศึกฝ่ายวิญญาณของเรา

-                   กท 5.19-21  เหล่านี้คือการงานของเนื้อหนัง

-                   กท  5.22-23  นี้คือผลของพระวิญญาณ  ที่พระเจ้าต้องการให้มีอยู่ในชีวิตของเรา

-                   ตัวอย่าง  ท่านขงจื้อนักปราชญ์ชาวจีนได้กล่าวไว้ว่า  “เราไม่สามารถห้ามนกบินข้ามหัวเราได้  แต่เราสามารถทำให้นกไม้ให้ขี้รดหัวเราได้โดยการหาหมวกมาใส่เสีย”

ข้อคิด  “เราไม่สามารถห้ามความคิดชั่วที่อยู่ในหัวของเราได้  แต่เราสามารถห้ามการกระทำของเราได้โดยพึ่งพระเจ้า

4.    เราจะรักษาการประพฤติอันดีไว้ได้ก็ต่อเมื่อเราระลึกได้ว่า  “เราเป็นเสมือนเกลือ  และความสว่างของโลก  (มธ. 5. 13-16)

พระประสงค์ที่สามของพระองค์คือ  “ให้ผู้เชื่อทุกคนเชื่อฟังผู้มีอำนาจ  (ข้อ  13-17)

1.    เหตุผล  เพราะ

-  โรม  13.1    พระเจ้าประทานอำนาจแก่ผู้ทรงอำนาจ

-  พระเจ้าทรงเป็นผู้แต่งตั้งคนเหล่านั้น  และผู้ที่ขัดขืนผู้ที่พระเจ้าแต่งตั้ง  ก็เท่ากับการขัดขืนพระเจ้าเช่นกัน (ข้อ 2)

- รม 13.4  ผู้มีอำนาจทุกคนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า  (แต่เขาไม่รู้ตัว)

-  มธ  22.21  ทัศนะของพระเยซูคริสต์ต่อผู้มีอำนาจ  ดังคำตรัสของพระองค์ที่ว่า  “ของของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์  ของของพระเจ้าก็จงถวายแก่พระเจ้า”

หมายความว่า  คริสเตียนจะต้องเชื่อฟังกฎหมายของบ้านเมือง  คริสเตียนจะต้องเสียภาษี  ต้องเคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง  ช่วยเหลือรัฐบาล

2.    เชื่อฟังเพื่อเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า

สรุป 

                พระประสงค์ของพระเจ้า  ต่อผู้ที่เชื่อในพระองค์คือ

1.    ให้ประกาศพระบารมีของพระองค์

2.    ให้ผู้เชื่อรักษาการประพฤติอันดีไว้ในหมู่ชนชาติของพระองค์

3.    ให้ผู้เชื่อทุกคนเชื่อฟังผู้มีอำนาจปกครอง

คริสตจักรที่เข้มแข็ง

โครงร่างคำเทศนา

วันอาทิตย์ที่  30  สิงหาคม  ค.ศ.  2009  ณ  คริสตจักรเวียง  เชียงคำ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ข้อพระคัมภีร์   1 โครินธ์ 12.12-27                                             

หัวข้อเรื่อง       “คริสตจักรเข้มแข็ง”                  

คำนำ  

การที่เราอยู่ในคริสตจักรที่ดีเป็นเรื่องสำคัญ แต่สำคัญยิ่งกว่านั้น ก็คือ สร้างคริสตจักรที่เราอยู่นั้นให้เป็นคริสตจักรที่ดี  คริสตจักรที่ดี คือคริสตจักรที่เข้มแข็ง  สุขภาพฝ่ายร่างกายก็สำคัญและสุขภาพฝ่ายจิตใจก็สำคัญ  ยิ่งกว่านั้น สุขภาพฝ่ายจิตวิญญาณของเราแต่ละคนก็สำคัญมาก  แต่ที่สำคัญมากที่สุด ก็คือสุขภาพของคริสตจักร เพราะว่าคริสตจักรเป็นชุมชนของคริสเตียนที่ได้รับความรอดแล้ว   การที่เราได้รับความรอด เราก็รอดโดยความเชื่อของเราแต่ละคน แต่แผนการของพระเจ้าสำหรับคนที่ได้รับความรอด คือการสร้างคริสตจักร พระเยซูตรัสว่า “บนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้”  ดังนั้น คริสตจักรเป็นชุมชนที่มีชีวิต ซึ่งพระเยซูได้ทรงสร้างคริสตจักรเพื่อคนจะได้รับความรอด   ฉะนั้น เราจำเป็นต้องร่วมมือร่วมใจสร้างและดูแลรักษาคริสตจักรของเราให้เข้มแข็ง

คริสตจักรไหนเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง   คนมักจะพูดกันว่า คริสตจักรนี้ดี  คริสตจักรโน้นเป็นเช่นนั้น  คริสตจักรต้องเป็นอย่างนั้น  แต่ส่วนใหญ่คิดและพูดโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง   เพื่อจะสร้างคริสตจักรให้เข้มแข็ง เราจำเป็นต้องมองคริสตจักรด้วยมุมมองของพระคัมภีร์ ไม่ใช่ด้วยมุมมองของตัวเราเอง  ฉะนั้น คริสตจักรที่เข้มแข็งเป็นคริสตจักรตามแนวพระคัมภีร์   พระคัมภีร์ใช้คำเปรียบเทียบหลายอย่างเพื่อจะอธิบายถึงคริสตจักร   เช่น ครอบครอบ ฝูงแกะ และร่างกาย เป็นต้น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ จะเปรียบเทียบคริสตจักรกับร่างกาย   ร่างกายของเรากับคริสตจักรมีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง   ถ้าเรารู้ว่า คริสตจักรที่เข้มแข็งเป็นอย่างไร เราก็สร้างคริสตจักรให้เข้มแข็งได้

1.คริสจักรที่เข้มแข็งคือคริสตจักรที่สมาชิกต่างทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่

เมื่อร่างกายที่มีอวัยวะแต่ละส่วนทำหน้าที่ของตนเป็นร่างกายที่เข้มแข็ง  ในข้อ 12 บอกว่า มีกายเดียว แต่มีอวัยวะหลายส่วน  ข้อ 14 ก็บอกว่า ร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว และข้อ 18 ก็บอกว่า พระเจ้าได้ทรงตั้งอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์   พระเจ้าได้ทรงสร้างอวัยวะที่มองเห็นด้วยตาของเรา เช่น มือ เท้า ปาก ตา หู จมูก เป็นต้น และที่มองไม่เห็นด้วย เช่น หัวใจ ตับ กระเพาะ ปอด ไต เป็นต้น   อวัยวะแต่ละส่วนมีรูปลักษณะและหน้าที่แตกต่างกัน ต่างก็มีหน้าที่เฉพาะ  ข้อ 15 พูดถึงเท้ากับมือ เท้ามีหน้าที่ของมันและมือก็มีหน้าที่ของมันเช่นกัน  เท้าจะแทนมือไม่ได้ และมือจะแทนเท้าก็ไม่ได้ด้วย  ข้อ 16 พูดถึงหูกับตา หูมีหน้าที่ของหู และตาก็มีหน้าที่ของตา  หูจะแทนตาไม่ได้ และตาจะแทนหูก็ไม่ได้เช่นกัน  ดังนั้น ข้อ 17 บอกว่า “ถ้าอวัยวะทั้งหมดในร่างกายเป็นตา การได้ยินจะอยู่ที่ไหน ถ้าทั้งร่างกายเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน” ฉะนั้น เมื่ออวัยวะแต่ละส่วนมีหน้าที่ทำให้ ร่างกายนั้นแข็งแรง  ถ้าแม้อวัยวะส่วนเดียวไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน ร่างกายนั้นไม่แข็งแรง

เช่นเดียวกัน เราต่างคนต่างเป็นอวัยวะต่างๆ ของคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระคริสต์   เราทุกคนไม่เหมือนกัน รูปร่างภายนอกและบุคลิกลักษณะ เบื้องหลังและรูปแบบความเชื่อก็อาจไม่เหมือนกัน  ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าทรงประทานหน้าที่และของประทานที่แตกต่างกัน เพื่อให้เราสร้างคริสตจักรของพระองค์ให้เข้มแข็ง   ใน 1โครินธ์ บทที่ 12 นี้ เปาโลกำลังพูดถึงของประทานฝ่ายวิญญาณ  ไม่มีใครที่ไม่สำคัญ  ทุกคนสำคัญเหมือนกัน  ดังนั้น ไม่จำเป็นและไม่ควรเปรียบเทียบกับคนอื่น เราต่างคนต่างปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในคริสตจักรตามหน้าที่และตามของประทาน ด้วยความสมัครใจและด้วยการเชื่อฟังพระเจ้า เพราะว่า เราได้รับงานนั้น

จากพระเจ้าแล้ว  เราปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในคริสตจักร ไม่ใช่เพราะเห็นแก่คนหนึ่งคนใด หรือเพื่อคนหนึ่งคนใด แต่เพื่อจะเป็นที่ถวายพระเกียรติแก่พระเจ้า

ปัญหาที่พบในคริสตจักรส่วนใหญ่ก็คือมีผู้ชม กองเชียร์มากกว่า ผู้เล่นผู้ปรนนิบัติลดลง หาคนที่อุทิศถวายและทุ่มเทชีวิตเพื่อพระเยซูยากจริงๆ  ถ้าคริสตจักรใดมีแต่ผู้ชมจำนวนมากขึ้น เข้มแข็งไม่ได้  ถ้าเราทุกคนอยากให้คริสตจักรของเราเข้มแข็ง  เราทุกคนต้องทำงานรับใช้อย่างจริงจัง 

สุขภาพและการเติบโตของคริสตจักรขึ้นอยู่กับการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าของเราแต่ละคนตามหน้าที่และของประทาน   คริสตจักรที่มีสมาชิกที่ทำเช่นนี้จะเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง

2.  คริสตจักรที่เข้มแข็งคือคริสตจักรที่สมาชิกทุกคนดูแลซึ่งกันและกัน

อวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเท่านั้น แต่ทำหน้าที่ช่วยเหลืออวัยวะอื่นๆ ด้วย  ถึงแม้ทำหน้าที่ของตนอย่างดีมากก็จริง แต่อวัยวะส่วนเดียวจะเป็นร่างกายที่สมบูรณ์ไม่ได้   อวัยวะแต่ละส่วนต้องการอวัยวะส่วนอื่นๆ ด้วย   ในข้อที่ 21 บอกว่า “ตาจะว่าแก่มือว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า ก็ไม่ได้ หรือศีรษะจะว่าแก่เท้าว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า ก็ไม่ได้”   การที่อวดตัว และดูถูกดูหมิ่นเป็นสิ่งที่โง่เขลา  

เช่นเดียวกัน  คริสตจักรที่มีสมาชิกทุกคนดูแลซึ่งกันและกันและรู้สึกต้องการคนอื่น เป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง  เราไม่ต้องการเขาเพราะเขาคิดไม่เหมือนเราก็หาไม่ได้  คำที่พระคัมภีร์ใหม่ใช้บ่อยๆ คือ “ร่วมกัน” “ซึ่งกันและกัน”  “กับ”

ในข้อ 26 เปาโลกล่าวไว้ว่า “ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย  ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย”  นี่เป็นคำหนุนใจให้เป็นชุมชนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข   คริสตจักรที่สร้างซึ่งกันและกัน เห็นใจซึ่งกันและกัน  รักซึ่งกันและกัน  ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน  หนุนใจซึ่งกันและกัน และร่วมทุกข์ร่วมสุขซึ่งกันและกัน นั่นแหละเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง

3.คริสตจักรที่เข้มแข็งคือคริสตจักรที่เป็นกายเดียวของพระเยซูผู้ทรงเป็นศีรษะ

ข้อ 27 บอกว่า “ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น”  คริสตจักรเป็นพระกายของพระคริสต์และพระองค์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร เมื่อเราแต่ละคน ซึ่งเป็นอวัยวะของพระกายนั้นร่วมตัวกัน เป็นกายเดียวกัน คริสตจักรจะถูกสร้างเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็งได้

มีทางเดียวที่เราแต่ละคนทำหน้าที่ของเรา ช่วยดูแลซึ่งกันและกัน และเข้าร่วมเป็นกายเดียวกันได้ คือ ให้พระเยซูเป็นศีรษะของคริสตจักรเท่านั้น   เพราะว่า คริสตจักรเป็นชุมชนแห่งความเชื่อที่พระเยซูทรงตั้งไว้ ไม่ใช่เป็นองค์การที่มนุษย์ก่อขึ้น   ถ้าแยกจากพระเยซูไปแล้ว ไม่มีอะไรที่เราทำได้  เราจะเติบโตขึ้นได้ในพระเยซู  เราจะติดต่อสนิทและประสานกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในพระเยซู   นี่เป็นภาพของคริสตจักรที่เข้มแข็ง

ในพระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความจริงที่เกี่ยวข้องกับคริสตจักรนั้นชัดเจน เข้าใจได้ไม่ยาก คือ พระเยซูทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร  คริสตจักรเป็นพระกายของพระองค์ และเราต่างก็เป็นอวัยวะที่ติดต่อสนิทกับพระกายนั้น  เพราะฉะนั้น หน้าที่ของเราทุกคน คือสร้างคริสตจักรให้เข้มแข็ง สร้างพระกายของพระคริสต์ให้เข้มแข็ง เปาโลได้กล่าวกับคริสตจักรเอเฟซัส ว่า “เหตุฉะนั้น ท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า” (อฟ.2.19)

บทสรุป เราทุกคนได้รับการทรงเรียกให้เป็นลูกของพระเจ้า  พระองค์ทรงเรียกเราทุกคนมาเพื่อให้สร้างคริสตจักรให้เข้มแข็ง   เราไม่ใช่เป็นแขกแปลกหน้า หรือผู้ชมอีกต่อไป แต่เราเป็นอวัยวะในร่างกายของพระคริสต์ เป็นคนในครอบครัวของพระเจ้า  ฉะนั้น เรามีหน้าที่ที่จะช่วยกันทำให้ร่างกายของเราคือคริสตจักรให้เข้มแข็ง  ขอให้เราร่วมกันปรนนิบัติ รับใช้พระเจ้าเพื่อร่วมกันสร้างคริสตจักรของเราให้เข้มแข็ง  อาเมน